เว็บคืออะไร
World Wide Web หรือที่เรามักเรียกสั้นๆว่า Web หรือ W3 (WWW) คือ คอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต ที่ถูกเชื่อมต่อกันในแบบพิเศษที่ทำให้คอมพิวเตอร์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาที่เก็บไว้ภายในของแต่ละเครื่องได้ (กลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่) โดยผ่านทาง บราวเซอร์ (Browser) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้อ่านและตอบโต้ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ใน World Wide Web โดยเฉพาะ บราวเซอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ Internet Explorer ของ และ Firefox
การนำเสนอข้อมูลในระบบ WWW (World Wide Web) พัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายปี 1989 โดยทีมงานจาก ห้องปฏิบัติการทางจุลภาคฟิสิกส์แห่งยุโรป (European Particle Physics Labs) หรือที่รู้จักกัน ในนาม CERN (Conseil European pour la Recherche Nucleaire) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มี การพัฒนา ภาษาที่ใช้สนับสนุน การเผยแพร่เอกสารของนักวิจัย หรือเอกสารเว็บ (Web Document) จากเครื่องแม่ข่าย (Server) ไปยังสถานที่ต่างๆ ในระบบ WWW เรียกว่า ภาษา HTML (HyperText Markup Language)
การเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ผ่านสื่อประเภทเว็บเพจ (WebPage) เป็นที่นิยมกันอย่างสูงในปัจจุบัน ไม่เฉพาะข้อมูลโฆษณาสินค้า ยังรวมไปถึงข้อมูลทางการแพทย์ การเรียน งานวิจัยต่างๆ เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจได้ทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลที่นำเสนอออกไป สามารถเผยแพร่ ได้ทั้งข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง และภาพเคลื่อนไหว มีลูกเล่นและเทคนิคการนำเสนอ ที่หลากหลาย อันส่งผลให้ระบบ WWW เติบโตเป็นหนึ่ง ในรูปแบบบริการ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ ระบบอิน
ลักษณะเด่นของการนำเสนอข้อมูลเว็บเพจ คือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปยังจุดอื่นๆ บนหน้าเว็บได้ ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บอื่นๆ ในระบบเครือข่าย อันเป็นที่มาของคำว่า HyperText หรือข้อความที่มีความสามารถ มากกว่าข้อความปกตินั่นเอง จึงมีลักษณะคล้ายกับว่าผู้อ่านเอกสารเว็บ สามารถโต้ตอบกับเอกสารนั้นๆ ด้วยตนเอง ตลอดเวลาที่มีการใช้งานนั่นเอง
เว็บมาจากไหน
เว็บมำจำกไหน
หลายคนคงสงสัยว่าเทคโนโลยีเว็บเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มาจากไหน เชื่อได้เลยว่าหลาย ๆ คน จะบอกว่า
www เกิดมาจากประเทศมหาอ านาจของโลกคือสหรัฐอเมริกา แต่ความจริงแล้ว www ไม่ได้ถือก าเนิดที่
สหรัฐอเมริกา แต่ถือก าเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีโครงการทางวิชาการในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่าง
นักวิทยาศาสตร์ในทวีปยุโรป โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ CERN ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางนิวเคลียร์ฟิสิกส์ที่ประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ ผู้ที่ได้รับเกียรติเป็นบิดาของเว็บได้แก่ Tim Berners-Lee ซึ่งคิดโครงการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร
ขึ้นมาโดยใช้ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ และโครงการได้รับความนิยมมากขึ้น ท าให้เป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ไป ปัจจุบันนี้
Tim Berners-Lee ท างานอยู่ที่ World Wide Web Consortium หรือชื่อย่อว่า W3C ซึ่งเป็นองค์กรศูนย์กลาง
ของเครือข่ายใยแมงมุมทำหน้าที่รับรอบมาตรฐานต่าง ๆ ของระบบทั้งหมด
Web 4.0 ยุคที่เว็บมีควำมฉลำด
Web 4.0 นั้นพัฒนาต่อจาก Web 3.0 โดยหัวใจของมันก็คือ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับ
พฤติกรรมของผู้ใช้ (Adaptable) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกและได้รับข้อมูลที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
โดยประยุกต์ใช้รูปแบบพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นตัวค้นหา อีกทั้งเป็นเว็บที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าผู้บริโภค
ชอบ หรือ ไม่ชอบ อะไรในเว็บ หากชอบฟังก์ชันการท างานนั้นก็จะปรับตัวให้ดียิ่งขึ้นและสร้างความเกี่ยวพัน กับ
การใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น แต่ถ้าหากไม่ชอบฟังก์ชันการท างานนั้น ๆ จะค่อยหายไปจนไม่แสดงขึ้นมาอีกเลย
เว็บ 4.0 เป็นแนวคิดเบื้องต้น คือ แทนที่จะต้องสั่งให้คอมพิวเตอร์ท าอะไรโดยเข้าไปในโปรแกรมต่าง ๆ เว็บจะ
ปรับตัวเองให้เข้ากับการใช้งานของผู้ใช้ เช่น ปรับเป็นโปรมแกรมที่เราต้องการ เว็บ 4.0 คือจินตนาการว่าเว็บฉลาด
ขึ้นจนถึงขีดสุด ทำให้มันสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ง่าย โดยเราไม่ต้องท าอะไร เพียงแค่เราคิดก็สามารถถ่ายทอด
ข้อมูลไปยังบุคคลอื่นได้ หรือสามารถเรียนรู้ว่าเราอ่านหนังสือเล่มไหนแล้วเราชอบ ทราบว่าเรามีหนังสือจำนวน
เท่าใด และสามารถแนะนำหนังสือที่เราอาจจะชอบได้ สรุปว่าเว็บในอนาคตจะฉลาดขึ้น รู้ความต้องการของผู้ใช้
มากขึ้นโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา
Web ในเชิง Social
แนวความคิดเกี่ยวกับเว็บของมนุษย์ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากเดิมผู้ใช้งานจะรับข้อมูลจากผู้สร้างเว็บเพียง
อย่างเดียว มาสู่ยุคที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างเนื้อหาไปสู่ผู้ใช้งานด้วยกันเกิดเป็นความสัมพันธ์ ที่ซับซ้อนและซ้อนทับ
กันระหว่างคนกลุ่มคน ผู้ใช้คนเดียวอาจสื่อสารไปสู่กลุ่มคนหลายกลุ่มได้ พร้อมการตอบกลับอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า
การตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Virtual Marketing แต่ปากในที่นี้คือโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
และพลังของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตก็ท าให้ข่าวสารส่งไปตรงกลุ่มด้วยการประมวลผลของระบบ และ การ
เลือกรับเนื้อหาของผู้ใช้งานเอง ท าให้โลกออนไลน์ถูกจับตามองอย่างมากของนักการตลาด
นอกจากนี้ลักษณะเด่นอีกอย่างของเครือข่ายสังคมออนไลน์คือ ความรู้สึกใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่
สื่อสาร ที่ช่องทางอื่น ๆ ไม่สามารถท าได้ ผู้สื่อสารสามารถใส่ความเป็นกันเอง หรือตอบค าถามเฉพาะรายบุคคลได้
ไม่ยาก จึงสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับผู้สร้างได้อีกด้วย
ความสามารถในการรองรับการขยายตัวของโลกอินเทอร์เน็ต
การสื่อสาร
ความสามารถหนึ่งของเว็บ คือการรองรับการขยายตัวของระบบ (Scalability) รองรับความต้องการที่
เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนเราใช้โทรศัพท์คุยกันต้องหยอดเหรียญกดเบอร์ แล้วรอสัญญาณจากปลายทางรับสาย แต่สมัยนี้
มือถือที่เราใช้ทุกวันนี้เราสามารถคุยเห็นหน้ากัน เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ตัวอย่างเช่น Google Hangout
การค้นหาเส้นทาง
สมัยก่อนเมื่อเราต้องการหาเส้นทาง การเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเราต้องใช้แผนที่นำทาง เมื่อ
เทคโนโลยีเว็บ เข้ามาท าให้เราสามารถหาข้อมูลเส้นทางการเดินทางได้ออนไลน์ นอกจากนี้เมื่อ เทคโนโลยีเว็บ
ขยายตัวท าให้การค้นหาสถานที่ต่าง ๆ สามารถแสดงภาพของสถานที่ที่เราจะไปเสมือนจริงเหมือนเรายืนอยู่ ณ
ตำแหน่งนั้น ๆ
การเก็บข้อมูล
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลออนไลน์ฟรีสำหรับแฟ้มข้อมูลต่าง มีการให้บริการจำนวนมาก เช่น OneDrive ของ
Microsoft ซึ่งเราสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ เมื่อมีการบันทึกไฟล์ไว้ใน OneDrive เราจะเรียกใช้ไฟล์ได้ทุกเมื่อ และ
ด้วยโปรแกรม OneDrive ที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ท าให้สามารถซิงค์แฟ้มข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ
ในการดาวน์โหลด OneDrive ทั้งหมดต้องการเพียงบัญชีผู้ใช้งานของ Microsoft เท่านั้น ถ้าเราใช้บริการ
Microsoft เช่น Xbox, Hotmail, Skype หรือ Outlook.com มาก่อนหน้านี้ เราจะมีบัญชีเพื่อใช้งาน OneDrive
ไปโดยปริยาย
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
เนื่องจากโลกอินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีการเชื่อมโยงติดต่อกัน
ทั่วโลก โดยมีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งเรียนรู้และค้นคว้า
ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการได้ ซึ่งสรุปประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตได้ ดังนี้
ด้านการศึกษา
อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ที่ศึกษาสามารถหาข้อมูล หาความรู้ต่าง ๆ เพิ่มเติม ซึ่ง
จะมีการเผยแพร่ข้อมูล งานวิชาการต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งมีระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเรียนเรื่องที่เราสนใจจากที่ใดก็ได้
ด้านธุรกิจ
อินเทอร์เน็ตสามรถทำธุรกิจด้านการค้า ซื้อและขายสินค้าบริการต่าง ๆ ได้โดยที่ผู้ซื้อผู้ขายสามารถติดต่อ
ซื้อขายได้โดยตรง ท าให้สะดวก และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และยังช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ
ด้านการสื่อสาร
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย
ได้แก่การติดต่อสื่อสาร เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) หรือการพูดคุยด้วยการ
ส่งสัญญาณภาพและเสียง (Conference) เช่น Skype
ด้านให้ความบันเทิง
ข่าวสาร สิ่งที่น่ำสนใจ
อินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นแหล่งความบันเทิงได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง คล้ายการนั่งดูทีวี ดูหนัง อ่านหนังสือ หรือ
บทความต่าง ๆ ซึ่งสามารถจะดูหรือใช้งานที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ตามความต้องการ
โทษของอินเทอร์เน็ต
นอกจากอินเตอร์เน็ตจะให้ประโยชน์แล้วยังก่อให้เกิดโทษได้ด้วยเช่นกัน เหมือนที่มีค าพูดเปรียบว่า
อินเทอร์เน็ตเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ในทางที่ถูกก็จะเกิดประโยชน์ ถ้าใช้ผิดก็จะเกิดโทษแก่ตัวผู้ใช้เอง โดยมีปัญหา
ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้จาก อินเตอร์เน็ตดังนี้
อนาจารผิดศีลธรรม
เนื้อหาข้อมูลต่าง ๆ ที่ส่อไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามก อนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่าง ๆ จาก
คลิปหลุดและคลิปแอบถ่าย ซึ่งอาจเป็นการนำไปสู่การหลอกลวงและอาชญากรรมได้
เด็กติดเกม
ในปัจจุบันการเล่นเกมออนไลน์ ของเด็กนั้นข้อมูลจาก โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร เพื่อการพัฒนาสังคมไทย พบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่เข้าไปใช้บริการในร้านที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นไปเพื่อ
เล่นเกม 90% และเน้นเกมการต่อสู้รุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การเลียนแบบ และอาจจะก่อให้เกิดอาชญากรรมได้
ไวรัสคอมพิวเตอร์
โปรแกรมซึ่งจะขยายพันธุ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ เพื่อที่จะทำลายข้อมูลต่าง ๆ
ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการใช้หน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์
ใช้อินเทอร์เน็ตวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ
ทำให้มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวน กระวายเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็น
เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อต้องใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของ
ตัวเองได้เสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียน และความสัมพันธ์ในครอบครัว
โปรแกรมประยุกต์บนอินเทอร์เน็ต (Application on
Internet)
โปรแกรมประยุกต์มีมากมายหลายประเภท โดยในบทนี้ขอยกตัวอย่างบริการบนอินเตอร์ที่น่าสนใจดังนี้
1. Online Storage
Online Storage หรือ Cloud Storage เป็น พื้นที่จัดเก็บไฟล์ ฟรี แบบออนไลน์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ทุกวัน ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ต้องการเก็บไฟล์ไว้แบบออนไลน์ เพื่อสามารถเรียกใช้ได้
ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องพกพาไปแต่อย่างใด หรือเพื่อแบ่งบันให้กับเพื่อน ๆ บนอินเทอร์เน็ต การบริการ พื้นที่จัดเก็บไฟล์ แบบออนไลน์ ท าให้เราสามารถเข้าใช้ไฟล์ของเราได้จากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ ที่มีอินเตอร์เน็ต
หรือจากอุปกรณ์พกพา ประเภทต่าง ๆ เนื่องจากมีบริการ Online Storage ของหลายบริษัทด้วยกัน อาทิเช่น
SugarSync, DropBox, iCloud, FlipDrive, Google Drive, OneDrive
OneDrive
Microsoft นั้นได้เปิดบริการ OneDrive ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อมาจาก SkyDrive ซึ่งเป็นบริการที่ลักษณะคล้าย
กับที่เก็บข้อมูลส่วนตัวมากกว่าการแชร์ไฟล์ ซึ่งเป็นลักษณะของเว็บฝากไฟล์ในสมัยนั้นก่อนที่จะปรับปรุงมาเมื่อไม่
นานมานี้ โดย OneDrive ที่ปรับปรุงใหม่เมื่อสมัครจะมีพื้นที่ให้ 7GB ซึ่งมากที่สุดในบรรดาของผู้ให้บริการด้วยกัน
นอกจากนี้ผู้ที่ใช้งาน SkyDrive มาก่อนหน้าจะสามารถอัพเกรดเป็น 25GB ได้เหมือนกับ SkyDrive ในสมัยก่อน
หน้า ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดของ OneDrive เหนือบริการอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ OneDrive ยังรวมความสามารถในการสร้าง อ่าน เเละแชร์ไฟล์เอกสารจากบริการ Office
365 หรือ Office บนเว็บไซต์ด้วยคือ Word, Excel เเละ PowerPoint โดยการเเชร์ไฟล์นั้น OneDrive จะเน้นส่ง
ลิงค์ไปทาง e-mail เเละมีการเพิ่มโปรแกรมประยุกต์ที่สามารถท างานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows, OSX,
iOS, Windows Phone เพื่อให้สามารถเข้าถึงไฟล์หรือซิงค์ไฟล์ได้โดยไม่จ าเป็นต้องเข้าผ่านทางเว็บไซต์อย่างเดียว
Dropbox
Dropbox
Dropbox นั้นถือเป็นผู้น าในตลาดของ Cloud Storage มานานโดย Dropbox นั้นถือว่าเป็นบริการที่มี
ลูกเล่นค่อนข้างมากเเละสนับสนุนเเพลตฟอร์มยอดนิยมไม่ว่าจะเป็น Windows, OSX, Linux, Android, iOS หรือ
สามารถใช้งานผ่าน Website ได้อย่างสมบูรณ์เเละมีหน้าตาของบริการที่ใช้งานได้ง่าย เช่น ลากไฟล์จากหน้า
จอคอมพิวเตอร์ผ่านเบราว์เซอร์ก็สามารถอัพโหลดข้อมูลได้ ใขขณะที่ผู้ให้บริการบางรายยังต้องใช้ผ่านเมนูอัพ
โหลด
ความสามารถของ Dropbox นั้นถึงเเม้จะเป็นฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เรียบง่าย เเต่พบว่าสามารถใช้งานได้จริง
เเละสะดวกในการใช้งาน เช่น Dropbox บนมือถือนั้นจะมีความสามารถรูปถ่ายบนมือถือขึ้น Dropbox โดย
อัตโนมัติ ท าให้เราไม่ต้องเสียเวลาน ารูปออกจากโทรศัพท์มือถือด้วยตัวเอง หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่างการสร้างลิงค์ใน
ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ก าหนดโดยเฉพาะ เพื่อให้คนสามารถมาดาวโหลดไฟล์ที่เราก าหนดไว้ได้ โดยจะไม่สามารถเห็น
ไฟล์อื่น ๆ ของเรา ส่วนความสามารถพื้นฐานอย่างการเเชร์โฟลเดอร์ การดูรายละเอียดของ Dropbox ว่ามีการ
เพิ่มหรือลดไฟล์อะไรไปบ้าง ซึ่งรวมไปถึงการย้อนกลับเมื่อเราลบไฟล์นั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ท าให้ Dropbox นั้นเป็น
Cloud Storage ที่มีฟีเจอร์โดดเด่น เเละใช้งานง่ายที่สุดเจ้าหนึ่งในตอนนี้
ข้อเสียของ Dropbox นั้นคือให้พื้นที่เริ่มต้นมาน้อยที่สุดคือ 2 GB เเต่ว่ามีกิจกรรมที่สามารถเพิ่มพื้นที่
ข้อมูลค่อนข้างมาก ซึ่งต้องติดตามข่าวสักนิดหนึ่ง เช่น ใช้ Camera Upload จะสามารถเพิ่มพื้นที่ให้มากสุดถึง
3GB หรือสามารถเเนะน าให้คนอื่นใช้งานจากบัญชีผู้ใช้งานเราจะได้เพิ่ม 500 MB ต่อคนซึ่งท าได้สูงสุดถึง 16GB
ทีเดียว ถ้าท าตามเงื่อนไขทั้งหมดเเล้วจะได้พื้นที่ประมาณ 20 GB ขึ้นไป เเต่ถ้าใครต้องการซื้อพื้นที่เพิ่มนั้นก็
สามารถท าได้
การแชร์โฟลเดอร์ต่าง ๆ ให้กับคนอื่น ๆ เพื่อให้‘ท างานร่วมกันได้’ (Collaboration) นอกจากนี้ ยังสร้าง
Public Link ให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น Android
iOS หรือ Tablet
Google Drive
บริการน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Google Drive เป็นบริการที่ถูกมาเเทน Google Docs เดิมหรือจะเรียกว่า
เป็นการเสริมความสามารถของ Google Docs ที่สามารถเก็บไฟล์เอกสารอย่างเดียว ให้รองรับไฟล์หลายประเภท
เเละสามารถใช้งานได้เหมือนกับเป็นเป็น “Hard drive”
Google Drive นั้นยังคงมีความสามารถเหมือนกับ Google Docs เดิมคือสามารถเปิดอ่าน เเก้ไข
เเละเเชร์ไฟล์เอกสารได้เหมือนเดิม เเละเพิ่มความสามารถในการอัพโหลดไฟล์ชนิดใดก็ได้ขึ้นไป โดยให้พื้นที่ทั้งหมด
5 GB จุดเด่นที่สุดของ Google Drive คือการรวมเข้ากับบริการต่าง ๆ ของ Google เช่นเราสามารถส่งลิงค์ไฟล์
ของ Google Drive เเทนที่จะต้องเเนบไฟล์ผ่านอีเมล์ หรือเเชร์รูปภาพผ่านบน Google+ ผ่าน Google Drive ได้
โดยตรง รวมไปถึงระบบค้นหาไฟล์เเละย้อนเวลากลับไปดูกิจกรรมที่เราท าไว้ในวันก่อนว่ามีการเพิ่ม / ลดไฟล์ใด
เเละกู้คืนมาได้เหมือนกับ Dropbox
2. Online Application
Google App
Google (Google Inc.) เป็นบริษัทมหาชนอเมริกัน มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏใน
Search Engine ของ Google อีเมล์แผนที่ออนไลน์ ซอฟต์แวร์จัดการด้านส านักงาน เครือข่ายออนไลน์ และวิดีโอ
ออนไลน์ รวมถึงการขายอุปกรณ์ช่วยในการค้นหา Google โดยมี Application ที่รองรับความต้องการของ
ผู้ใช้งานมากมาย
1. ค้นหาข้อมูล รูปภาพและอื่น ๆ Google Search Engine (http://www.google.com/)
2. รับ-ส่งอีเมล์ Gmail (http://mail.google.com/)
3. บุ๊คมาร์คหน้าเว็บที่ชื่นชอบ Google Bookmark (http://bookmarks.google.com/)
4. ดูแผนที่ Google Maps (http://maps.google.com/) และ Google Earth
(http://earth.google.com/)
5. พิมพ์งานและเอกสารผ่าน Google Docs (http://docs.google.com/)
6. วางแผนชีวิต Google Calendar (http://calendar.google.com/)
7. รับฟอร์เวิร์ดเมล์ Google Groups (http://groups.google.com/)
8. แปลภาษา Google Dictionary (http://dictionary.google.com/)
9. ดูวิดีโอ Youtube (http://www.youtube.com/ อันนี้ก็ของ Google)
10. อ่านหนังสือหายาก Google Books (http://books.google.com/)
11. ปฎิทินส่วนตัว Google Calendar (https://calendar.google.com/)
12. วิเคราะห์ข้อมูลการเข้าใช้ Web Site Google analytic (https://analytics.google.com/)
13. พิมพ์เอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา Google Cloud Print
14. การสนทนาออนไลน์ และ Conference Hangout
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น