ภัยที่มากับอินเทอร์เน็ต
1. ภัยที่มีผลทางด้านข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ ก่อนที่เราจะรู้จักวิธีป้องกัน เราควรทำความเข้าใจ ภัย หรือคนร้ายก่อน ดังปรัชญาจีนที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบ ร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
วายร้ายโจรกรรมข้อมูล
ข้อมูลของเรามีอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ตหรือไม่ เคยไหมที่ค้นหาชื่อ-นามสกุลของเราใน Google หรือใน Facebook ของเรา ข้อมูลรายละเอียดของตัวเราเองมีมากน้อยแค่ไหน ในโทรศัพท์มือถือ/คอมพิวเตอร์ เรากำหนด รหัสผ่านก่อนใช้งานหรือไม่ USB drive ของเรามีการเข้ารหัสไว้ไหม หรือว่าใคร ๆ ก็เปิดดูได้
ฉนั้นข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตนั้นล้วนมีความสำคัญ และเป็นที่หมายปองของเหล่ามิจฉาชีพ หากเรารู้วิธีการหรือช่องทางของมิจฉาชีพในการโจรกรรมข้อมูลของเรา เราก็สามารถหาวิธีการป้องกันได้ไม่มากก็ น้อย
การสอดแนม (Snooping หรือ Sniffing) การสอดแนม สนูปปิง (Snooping) หรือ สนิฟฟิ่ง (Sniffing) หมายถึงการดักจับหรือแอบดูข้อมูล โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ตัวอย่างเช่น การดักอ่านข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย การแท็ปสายข้อมูล (Wiretapping) การใช้แพ็คเก็ตสนิฟเฟอร์ (Package Sniffer) วิธีการป้องกันการสอดแนม คือการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ท าให้พวกมิจฉาชีพไม่เข้าใจข้อมูลของเราขณะสอดแนมได
ฟิชชิง (Phissing หรือ Fishing) ฟิชชิง เป็นการปลอมอีเมลหรือเว็บไซต์เพื่อหลอกลวง โดยจุดประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อต้องการข้อมูล ส าคัญจากผู้ถูกหลอก เช่น Username, Password, Credit Card Number และอื่น ๆ โดยส่วนมากจะแสร้งว่า เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ โดยวิธีการส่งข้อมูลข่าวสารไปให้เหยื่อ มีข้อความล่อลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลในหน้าเว็บที่มี หน้าตาเหมือนกับเว็บไซต์ของจริงทุกประการ โดยอาจมีชื่อโดเมนคล้ายกับเว็บนั้นโดยมีตัวหนังสือต่างจากชื่อเว็บ จริงแค่บางตัว เหยื่อที่เลินเล่อดูไม่ดีอาจจะไม่รู้ เช่น www.kasikornbank.com เป็น www..kasikonbank.com
สปายแวร์ (Spyware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ฝังตัวอยู่ในเครื่องโดยทำพฤติกรรมไม่พึงประสงค์บางอย่าง อาทิเช่นพยายาม โฆษณาสินค้า รวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หรือเปลี่ยนแปลงตัวแปรที่อยู่ในคอมพิวเตอร์โดยที่เราไม่ได้อนุญาติ รวมถึงส่งข้อมูลส่วนตัวหลาย ๆ อย่างได้แก่ ชื่อ - นามสกุล , ที่อยู่ , E-Mail Address และอื่น ๆ ซึ่งอาจจะรวมถึง สิ่งส าคัญต่าง ๆ เช่น รหัสผ่าน หรือ หมายเลข บัตรเครดิตของเราไปที่เครื่องปลายทางของพวกมิจฉาชีพ ดังนั้น ข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องก็อาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป Spyware อาจแค่ต้องการเข้ามาเพื่อโฆษณาสินค้าต่าง ๆ สร้างความรำคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบ่อย ๆ แต่บางตัวร้ายกว่านั้น คือ ทำให้เราใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้เลย
2. ภัยที่มีผลทางด้านสังคม นอกจากภัยที่มีผลทำให้ข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์เสียหาย หรือสูญเสียข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ไปแล้วนั้น การใช้อินเทอร์เน็ต อาจก่อให้ประสบภัยทางด้านสังคมอีกด้วย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังและเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึง จำเป็นต้องรับรู้ภัยทางด้านนี้เพื่อป้องกันตนเองจากกระแสเทคโนโลยีในทุกวันนี้
ภัยจากการแชท
การแชท หมายถึง การพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ต เป็นภัยด้านสังคมจากอินเทอร์เน็ตที่พบง่ายและบ่อย ที่สุด เนื่องจากเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราอาจก าลังสนทนาอยู่กับคนที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากเราในทางไม่ ชอบอยู่ก็ได้ ถ้าเราเผลอให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือนัดเจอคนที่รู้จักกันทางเน็ต เราอาจตก เป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้ คนเหล่านี้เล่นแชท เพราะเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน มีปมด้อย อยากหาแฟน เพ้อฝันว่า อาจจะได้เจอสิ่งดีๆ ในอินเทอร์เน็ต อาจเป็นโรคจิต ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากคนที่ไม่รู้ หรือเล่นไปงั้น ๆ
ภัยจากการเล่นเกมออนไลน์
บางครั้งการเล่นเกมเป็นเหมือนกับการเสพยาเสพติด เพราะเมื่อเล่นเกมแล้วทำให้ไม่อยากหยุดเล่น อยาก ท าคะแนนให้ได้เยอะ ๆ ได้ level ที่สูงขึ้น อยากอวด อยากเอาชนะคนอื่น ปัจจุบันเกมออนไลน์มีมาก บางเกมส่อ ไปในทางลามกอนาจาร อาจนำเสนอภาพที่รุนแรง บางเกมมีการขายของที่อยู่ในเกม หลายคนเคยตกเป็นเหยื่อ เพราะโดนหลอกซื้อของที่อยู่ในเกมก็มี นักเรียนต้องรู้จักข่มใจตนเอง เลือกเล่นเฉพาะเกมที่สร้างสรรค์ กำหนดเวลา เล่นให้เป็น ไม่ใช่เล่นเอาเป็นเอาตาย สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนทำให้เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงเสียการเรียน ด้วย
3. ภัยที่มีผลต่อสุขภาพ อินเทอร์เน็ต, Facebook, Twitter, Instagram, Youtube, เกมออนไลน์, เว็บไซต์ต่าง ๆ ได้เข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งในชีวิตของคนยุคนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะใช้ส าหรับการท างาน ส าหรับติดต่อสื่อสาร หรือเพื่อความบันเทิง ทุก วันนี้เราอาจใช้เวลาไปกับชีวิตออนไลน์นานแค่ไหนในหนึ่งวัน ยิ่งใช้เวลามากมันก็จะส่งผลต่อสุขภาพของเรามาก ภัยที่มีผลต่อสุขภาพกาย
ดวงตา การจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรศัพทือถือเป็นเวลานานมีผลต่อกล้ามเนื้อและระบบประสาท ตา ท าให้เกิดอาการเมื่อยตา สายตาเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ คลื่นไส้ โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดของโรค นี้คือ ปวดตา เมื่อยตา ตาแห้ง บางรายอาจเป็นมากถึงสายตาเสื่อมลง เนื่องจากขณะใช้คอมพิวเตอร์ดวงตาต้อง จ้องมองหน้าจอที่มีตัวหนังสือหรือภาพกระพริบตลอดเวลา ทำให้กลไกตามธรรมชาติของการกระพริบตาลดน้อยลง จนเราไม่สังเกต เป็นเหตุผลส าคัญที่ทำให้ตาแห้ง และหากดวงตาอยู่ในสภาพที่เหน็ดเหนื่อยหรือตาแห้ง ก็จะทำให้ สายตาเสื่อมลง ทาง American Optometric Association (AOA) ให้คำจำกัดความของโรคหรือภัยที่เกิดจาก การใช้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะผลที่เกิดกับดวงตาและการมองเห็นว่า คือโรค Computer Vision Syndrome หรือ CVS โดยมีอาการคือ ปวดเบ้าตา, ปวดต้นคอ, มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตา, มีภาวะตาแห้ง, รอยตาคล้ำบริเวณตา หรือมีรอยบวมเห็นเป็นถุงใต้ตาโปนออกมา สาเหตุหลักนอกจากการใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ แล้ว ยังสามารถเกิดได้จากการได้รับรังสีอัลตร้าไวโอเลตทั้งจากรังสี UV ที่ออกมาจาก จอคอมพิวเตอร์ หรือจากแสงแดดก็ได้
ระบบประสาท คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์อาจมีผลต่อระบบประสาท แม้ว่ารังสีชนิดต่าง ๆ จากหน้า จอคอมพิวเตอร์จะมีความปลอดภัย แต่การรับรังสีเป็นเวลานานก็อาจจะส่งผลกระทบถึงระบบประสาทของมนุษย์ ได้เช่นกัน เช่น อาจเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อึดอัด และนอนไม่หลับ เป็นต้น
แนวทางการป้องกัน
จากภัยที่มากับอินเทอร์เน็ตในด้านต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวมาแล้วนั้น ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ควรมีความรู้และ
ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันในการรักษาคอมพิวเตอร์ ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการท่องอินเทอร์เน็ต เลขบัตร
เครดิตและข้อมูลอื่น ๆ ให้ปลอดภัย ผู้ใช้งานควรระมัดระวังเมื่อต้องติดตั้งโปรแกรมหรือเมื่อจะคบกับเพื่อนใหม่ที่
รู้จักทางอินเทอร์เน็ตว่ามีความปลอดภัย นอกจากการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นจะต้องมีทั้งโปรแกรมป้องกันภัย
ที่ดี ผู้ใช้ยังควรมีลักษณะพฤติกรรมการใช้งานที่ดีด้วย เช่น ควรที่จะต้องรู้ว่าสิ่งใดไม่ควรให้ผู้อื่นเข้าถึงได้ในขณะที่มี
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ใครที่ควรไว้วางใจ และเข้าใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ที่เทคโนโลยีไม่สามารถ
ตอบโจทย์ได้ ซึ่งผู้ใช้งานควรจะต้องมองหาวิธีรักษาความปลอดภัยที่เหมาะกับการใช้งานของตัวผู้ใช้เองมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น